โรคฝีดาษลิง โรคระบาดใหม่ล่าสุดที่คุณต้องอัปเดตด่วน!

shallow focus photography of monkey hugging handrail

โควิดยังไม่ทันจะหายดี โรคใหม่ได้เกิดขึ้นอีกแล้ว ในช่วงนี้หลายคนก็ต่างก็ให้ความสนใจกับโรคระบาดใหม่ล่าสุด อย่าง “โรคฝีดาษลิง” ที่หลายคนต่างให้ความสนใจอย่างมาก ว่าจะเข้ามาที่ประเทศไทยเมื่อไหร่ แล้วจะมีการระบาดหนักเหมือนโควิดหรือไม่ แล้วจะมีวิธีป้องกันตัวเองจากโรคฝีดาษลิงอย่างไร? ไปดูกันเลย

โรคฝีดาษลิงคืออะไร

โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคคล้ายอีสุกอีใส หรือไข้ทรพิษ แต่มีความรุนแรงของโรคน้อยกว่า ที่ได้ชื่อฝีดาษลิง เกิดจากการค้นพบเชื้อโรคนี้จากลิงในห้องทดลอง แต่ไม่ได้หมายความว่าโรคนี้เกิดขึ้นจากลิง โรคฝีดาษลิงได้แพร่ระบาดในโซนประเทศแถบยุโรปและแอฟริกา แต่ในไทยโรคฝีดาษลิงยังไม่ถือว่าแพร่ระบาด

ทั้งนี้โรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะกับผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกา หรือกลับจากแอฟริกา หรือในผู้ที่มีการสัมผัสกับสัตว์ป่าต่างถิ่น จะเป็นผู้สุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยโรคฝีดาษลิงในขณะนี้พบแล้ว 2 สายพันธุ์ ได้แก่

  • สายพันธุ์แอฟริกากลาง เป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมาก จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
  • สายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก มีความรุนแรงน้อยกว่า และยังเป็นสายพันธุ์ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้

โรคฝีดาษลิงติดต่อกันได้อย่างไร?

โรคฝีดาษลิงในตอนนี้ สามารถแพร่กระจายได้ 2 วิธี ได้แก่ จากการติดต่อจากสัตว์สู่คน และจากคนสู่คน ดังนี้

  • การติดต่อจากสัตว์สู่คน หากคุณมีการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อโรคฝีดาษลิง
  • สัมผัสกับสารคัดหลั่ง
  • สัมผัสตุ่มหนอง
  • โดนสัตว์ที่มีเชื้อโรคฝีดาษลิงกัดหรือข่วน
  • กินเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อโรคฝีดาษลิง โดยที่ยังปรุงไม่สุก
  • การติดต่อจากคนสู่คน
  • สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยทางสารคัดหลั่ง จากผิวหนังที่เป็นตุ่ม
  • สัมผัสละอองฝอยจากการหายใจ

อาการของโรคฝีดาษลิง

มารู้จักกับอาการเบื้องต้นของโรคฝีดาษลิง เพราะถ้าหากคุณเกิดติดเชื้อขึ้นมา จะได้ทำการเข้ารับการรักษาได้ทัน โดยหลังจากที่คุณได้รับเชื้อของโรคฝีดาษลิงมาแล้ว เชื้อฝีดาษลิงจะทำการฟักตัวในร่างกาย และจะแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 7-14 วัน โดยจะมีอาการดังต่อไปนี้

  1. มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย ต่อมน้ำเหลืองโต
  2. หลังจากมีอาการข้างต้นแล้ว 1-3 วันต่อมา ตุ่มเล็ก ๆ คล้ายผื่นอีสุกอีใสจะขึ้นตามตัว
  3. ลักษณะตุ่มที่ขึ้น จะเป็นตุ่มนูนแดงคล้ายผื่น แต่ในตุ่มนั้นจะมีน้ำใส รู้สึกคัน แสบร้อน คล้ายอีสุกอีใส
  4. จากนั้นตุ่มน้ำใสก็จะกลายเป็นหนอง ซึ่งจะแตกและแห้งไปเอง

โดยจะต้องโรคฝีดาษลิง จะต้องระวังเป็นพิเศษในกลุ่มคนที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ต้องระวังการเกิดโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย เพราะถ้าหากเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นมา อาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

วิธีการป้องกันตัวเองจากโรคฝีดาษลิง

ถึงจะเป็นโรคที่น่ากลัวก็ตาม แต่ก็ยังสามารถป้องกันตัวเองไม่ให้ติดโรคได้ มาป้องกันตัวเองจากโรคฝีดาษลิงด้วยการทำตามวิธีป้องกันตัวเหล่านี้

  • หมั่นล้างมือเป็นประจำ พกสเปรย์หรือเจลแอลกอฮอล์ติดตัวไปด้วย
  • ไม่นำมือไปจับหน้า ขยี้ตา และหลีกเลี่ยงการเอามือสกปรกเข้าปาก
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย หรือสัตว์ที่อาจเป็นพาหะของโรค
  • ฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ ถึงแม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีวัคซีนที่จะป้องกันโรคฝีดาษลิงโดยตรง แต่การฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อในเบื้องต้นได้

จะเห็นได้ว่าการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคฝีดาษลิง จะคล้ายกับการป้องกันตัวเองจากโรคโควิด คุณอาจจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก เพราะเราเชื่อว่าหลายคนก็ผ่านมาแล้วทั้งนั้น กับการป้องกันตัวเองจากโควิด-19 นอกจากการป้องกันตัวเอง และอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงเพื่อเฝ้าระวังแล้ว แนะนำให้คุณทำประกันสุขภาพไว้ เหมือนกันตอนที่โรคโควิดระบาด ใครจะไปคิด ว่าวันหนึ่งคุณจะได้ใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพรักษาโควิดขึ้นมา และยังได้รับเงินชดเชยอีกด้วย ขอแนะนำประกันสุขภาพ Rabbit Care ช่วยเหมาจ่ายค่ารักษา ให้คุณได้รับความคุ้มครอง IPD และ OPD สูงสุด 100 ล้านบาท และยังเหมาจ่ายค่ารักษาทั่วโลก ในกรณีที่คุณเดินทางแล้วเกิดเจ็บป่วยที่ต่างประเทศด้วยวงเงินสูงสุด 100,000,000 บาท  สมัครเลยที่ https://rabbitcare.com/health-insurance